Digital Twin คือเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในหลายภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน เป็นการนำเสนอมิติใหม่ของการทำงานที่มุ่งเน้นไปที่การจำลองและเชื่อมต่อข้อมูลของระบบจริงเข้ากับแบบจำลองเสมือน ซึ่งช่วยให้เราสามารถติดตาม วิเคราะห์ และปรับปรุงการทำงานได้อย่างใกล้ชิดแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยี Digital Twin จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างแบบจำลองดิจิทัลขึ้นมา
เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวช่วยให้สามารถเข้าใจพฤติกรรมและการทำงานของระบบจริงได้อย่างแม่นยำโดยมีความเชื่อมโยงระหว่างโลกเสมือนและโลกจริงอย่างใกล้ชิด Digital Twin มีรากฐานมาจากเทคโนโลยีที่มีการบันทึกและสะสมข้อมูลของระบบและกระบวนการทางกายภาพมาเป็นเวลานาน แต่ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things หรือ IoT) และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ทำให้การสร้างแบบจำลองเสมือนนี้มีความละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น
Digital Twin สามารถใช้เพื่อจำลองสายการผลิตเพื่อปรับปรุงกระบวนการ
Digital Twin ใช้เซนเซอร์และการเชื่อมต่อเพื่อเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นในระบบจริง เช่น ข้อมูลอุณหภูมิ การสั่นสะเทือน ความดัน หรือสถานะการทำงานต่าง ๆ และส่งข้อมูลเหล่านั้นไปยังระบบจำลองเสมือนที่สามารถทำการประมวลผล วิเคราะห์ หรือคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ การทำงานที่ซับซ้อนเช่นนี้ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ระบบได้จากทุกที่และตลอดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรักษา การคาดการณ์ปัญหา และการปรับปรุงการทำงานการนำเทคโนโลยี Digital Twin มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมสามารถทำให้เกิดประโยชน์ในหลายด้าน
เช่น ในอุตสาหกรรมการผลิต Digital Twin สามารถใช้เพื่อจำลองสายการผลิตเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยการวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตจริงในเวลาจริง ทำให้สามารถระบุปัญหาหรือความไม่สมบูรณ์ของการผลิตได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยให้การทดสอบและพัฒนาเครื่องจักรใหม่ ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาในกระบวนการผลิตได้อย่างมาก นอกจากนี้ Digital Twin ยังมีความสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน การนำ Digital Twin มาใช้ในโรงไฟฟ้าช่วยให้สามารถตรวจสอบสถานะของเครื่องจักรในระบบได้ตลอดเวลา ทำให้มีการวางแผนการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์
การพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น
นอกจากนี้ Digital Twin ยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ เช่น การจัดการข้อมูลของยานพาหนะทั้งในด้านการดูแลรักษา การควบคุมเส้นทาง digital twin technology และการจัดการปริมาณสินค้าคงคลัง โดยการใช้ Digital Twin สามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมการขนส่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน และสามารถคาดการณ์เวลาในการส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ลูกค้าได้รับบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้น
ในภาคการแพทย์ Digital Twin ถูกใช้ในการสร้างแบบจำลองของผู้ป่วย ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถติดตามสภาวะทางร่างกายและสุขภาพของผู้ป่วยได้อย่างละเอียดและแม่นยำ ทำให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพเทคโนโลยี Digital Twin ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การสร้างเมืองเสมือนหรือ Smart City ซึ่งสามารถติดตามและควบคุมระบบการจราจร การใช้พลังงาน และการจัดการขยะ เพื่อช่วยให้เมืองสามารถจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ