การใช้งานประโยชปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ให้รองรับ SEO
ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดของเว็บไซต์
Google Search Console, Google Analytics เพื่อให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดหลังการการทำ SEO ได้
การใช้งานประโยชน์ของเครื่องมือตัวช่วยการปรับปรุงเว็บไซต์ให้รองรับการรับทำ SEO มีอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลที่ดี
การใช้งานประโยชปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ให้รองรับ SEO
1.1 ลดขนาดไฟล์เว็บไซต์: ลดขนาดของภาพ ลดขนาดของไฟล์ส่วนประกอบ (CSS, JavaScript) ใช้งานไฟล์ส่วนประกอบที่เป็นแบบ minified ลดการใช้งานไฟล์ส่วนประกอบที่ไม่จำเป็น ใช้งาน CDN เพื่อโหลดไฟล์ส่วนประกอบ. ตรงส่วนนี้มีผลต่อ SEO รูปภาพ เพราะขนาดรูปภาพก็มีส่วนสำคัญต่อคะแนนเว็บไซต์เช่นกัน
1.2 แยกไฟล์ CSS และ JavaScript: แยกไฟล์ CSS ออกจาก HTML แยกไฟล์ JavaScript ออกจาก HTML ใช้งานไฟล์ CSS และ JavaScript ที่ถูกแยกออกไว้ ใช้งานแบบกำหนดลำดับการโหลดไฟล์ เพื่อป้องกันปัญหาการ block rendering.
1.3 ใช้การแคชของเว็บไซต์: ใช้ HTTP cache headers ในการกำหนดเวลาการแคช ใช้ browser caching เพื่อเก็บไฟล์ใน cache ของ browser ใช้ content delivery network (CDN) เพื่อใช้ cache ในระดับ global ปรับปรุงประเภทของไฟล์เพื่อลดปริมาณแคช ตรวจสอบและปรับปรุงเวลาแคชของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ.
1.4 ลดจำนวนภาพและไฟล์อื่นๆ: ลดขนาดของภาพ โดยการแปลงเป็นไฟล์ขนาดเล็กลง ใช้ภาพประกอบที่มีความละเอียดน้อย ใช้ CSS sprites เพื่อใช้ภาพน้อยลง ตรวจสอบและลดจำนวนไฟล์เสียง, วีดีโอ, สคริปต์, และอื่นๆ ในเว็บไซต์ ใช้การ minify เพื่อลดขนาดไฟล์โดยลดระยะห่างและรวมไฟล์ลง. หากทำได้ในส่วนนี้ จะดีมาก เพราะอาจจะทำให้เว็บไซต์เราเข้าได้รวดเร็ว ไม่หนักด้วย
1.5 ปรับปรุงการจัดรูปแบบเว็บไซต์: ปรับปรุงรูปแบบเว็บไซต์ให้สวยงามและง่ายต่อการใช้งาน จัดการหน้าจอให้มีขนาดที่เหมาะสม ใช้การแบ่งประเภทและจัดโครงสร้างข้อมูลให้ง่ายต่อการอ่าน ปรับปรุงสีส้นเทา, แบบอักษร, และภาพให้สวยงาม ใช้งาน Responsive Web Design เพื่อให้เว็บไซต์แสดงผลดีบนอุปกรณ์ต่างๆ.
1.6 ใช้ Content Delivery Network (CDN): Content Delivery Network (CDN) คือเครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายเนื้อหาไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์โดยลดภาระบนเซิร์ฟเวอร์ต้นทางและลดระยะห่างระหว่างเซิร์ฟเวอร์กับผู้ใช้
ปรับปรุงการโหลดเว็บไซต์
1.7 ใช้เทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูล: เทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลช่วยลดขนาดของข้อมูลโดยการเข้ารหัสโดยใช้บิตที่น้อยลง สามารถใช้กับข้อมูลเว็บไซต์ เช่น ไฟล์รูปภาพ, HTML, CSS และ JavaScript เพื่อปรับปรุงความเร็วในการโหลดเว็บไซต์โดยลดปริมาณข้อมูลที่ต้องถ่ายโอน
2.1 ลดขนาดไฟล์เว็บไซต์: ลดขนาดของภาพ ลดขนาดของไฟล์ส่วนประกอบ (CSS, JavaScript) ใช้งานไฟล์ส่วนประกอบที่เป็นแบบ minified ลดการใช้งานไฟล์ส่วนประกอบที่ไม่จำเป็น ใช้งาน CDN เพื่อโหลดไฟล์ส่วนประกอบ.
2.2 แยกไฟล์ CSS และ JavaScript: แยกไฟล์ CSS ออกจาก HTML แยกไฟล์ JavaScript ออกจาก HTML ใช้งานไฟล์ CSS และ JavaScript ที่ถูกแยกออกไว้ ใช้งานแบบกำหนดลำดับการโหลดไฟล์ เพื่อป้องกันปัญหาการ block rendering
2.3 ใช้การแคชของเว็บไซต์: ใช้ HTTP cache headers ในการกำหนดเวลาการแคช ใช้ browser caching เพื่อเก็บไฟล์ใน cache ของ browser ใช้ content delivery network (CDN) เพื่อใช้ cache ในระดับ global ปรับปรุงประเภทของไฟล์เพื่อลดปริมาณแคช ตรวจสอบและปรับปรุงเวลาแคชของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ.
2.4 ลดจำนวนภาพและไฟล์อื่นๆ: ลดขนาดของภาพ โดยการแปลงเป็นไฟล์ขนาดเล็กลง ใช้ภาพประกอบที่มีความละเอียดน้อย ใช้ CSS sprites เพื่อใช้ภาพน้อยลง ตรวจสอบและลดจำนวนไฟล์เสียง, วีดีโอ, สคริปต์, และอื่นๆ ในเว็บไซต์ ใช้การ minify เพื่อลดขนาดไฟล์โดยลดระยะห่างและรวมไฟล์ลง.
2.5 ใช้ Content Delivery Network (CDN).
3.ปรับปรุงการใช้งานเว็บไซต์
3.1 ปรับปรุงการออกแบบ UI/UX: การปรับปรุงการออกแบบ UI/UX มุ่งเน้นไปที่การทำให้ส่วนต่อประสานผู้ใช้และประสบการณ์ผู้ใช้ของเว็บไซต์ใช้งานง่ายขึ้น น่าดึงดูดใจ และเป็นมิตรกับผู้ใช้ ซึ่งอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงเลย์เอาต์ การนำทาง และความสวยงามโดยรวม ตลอดจนการปรับปรุงการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ทั้งหมด รวมถึงผู้ทุพพลภาพ
3.2 ปรับปรุงความสะดวกสบายในการใช้งาน: การปรับปรุงความสามารถในการใช้งานหมายถึงการทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการทำให้การนำทางง่ายขึ้น ทำให้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น และปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวม การทำให้เว็บไซต์เป็นมิตรกับผู้ใช้สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมและความพึงพอใจของผู้ใช้ และลดอัตราตีกลับ
3.3 ปรับปรุงประสิทธิภาพในการค้นหา: การปรับปรุงประสิทธิภาพการค้นหาหมายถึงการทำให้ผู้ใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการบนเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้นผ่านฟังก์ชันการค้นหา ซึ่งอาจรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพอัลกอริทึมการค้นหา การปรับปรุงความเกี่ยวข้องของการค้นหา และเสนอตัวเลือกการค้นหาขั้นสูง การปรับปรุงประสิทธิภาพการค้นหาสามารถเพิ่มความพึงพอใจและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ และช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.4 ปรับปรุงการเชื่อมโยงเว็บไซต์: การปรับปรุงการเชื่อมโยงเว็บไซต์หมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงภายในและภายนอกบนเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงการนำทางและประสบการณ์ของผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงการแก้ไขลิงก์เสีย สร้างข้อความลิงก์ที่ชัดเจนและสื่อความหมาย และจัดระเบียบลิงก์เป็นหมวดหมู่หรือเมนูที่เหมาะสม การปรับปรุงการเชื่อมโยงเว็บไซต์สามารถปรับปรุงการไหลของผู้ใช้และช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์ ซึ่งสามารถปรับปรุงการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา
3.5 ปรับปรุงประสิทธิภาพในการแสดงผลบนแพลตฟอร์มต่างๆ: ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการปรับประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์และเบราว์เซอร์ต่างๆ โดยใช้การออกแบบที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์ และปรับปรุงเวลาในการโหลดหน้าเว็บด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การบีบอัดรูปภาพและการเพิ่มประสิทธิภาพโค้ด
ปรับปรุง SEO
ปรับปรุงเนื้อหาเว็บไซต์ให้รองรับการรับทำ SEO ปรับปรุงการใช้คำสำคัญในเนื้อหา เพราะตรงนี้มส่วนสำคัญมาก ปรับปรุงการเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ ปรับปรุงการเชื่อมโยงภายนอกเว็บไซต์ ปรับปรุงขนาดไฟล์เว็บไซต์และโหลดเว็บไซต์ในระยะเวลาที่สั้น.ทุกขั้นตอนมีส่วนสำคัญสำหรับการปรับเว็บไซต์ให้รองรับ SEO เพราะหากขาดตัวใดตัวหนึ่งไป จะทำให้อันดับSEO ขึ้นยาก ได้
ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดของเว็บไซต์
ตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดจากการโค้ด ตรวจสอบข้อผิดพลาดการแสดงผล ตรวจสอบข้อผิดพลาดการเชื่อมโยง ตรวจสอบข้อผิดพลาดการปรับปรุงระบบ ปรับปรุงประสิทธิภาพในการแสดงผลให้เป็นไปตามมาตรฐาน.
Google Search Console, Google Analytics เพื่อให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดหลังการการทำ SEO ได้
Google Search Console เป็นบริการเว็บฟรีโดย Google สำหรับเว็บมาสเตอร์ ช่วยตรวจสอบและรักษาสถานะของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google โดยจะให้ข้อมูลและเครื่องมือในการปรับปรุงการเข้าชมเว็บไซต์ การจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา และแก้ไขข้อผิดพลาดในการรวบรวมข้อมูล และสามารถเช็คแบคลิ้งได้หลังจากรับทำ SEO ไปแล้ว
Google Analytics เป็นบริการวิเคราะห์เว็บฟรีที่นำเสนอโดย Google ซึ่งจะติดตามและรายงานการเข้าชมเว็บไซต์ ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพเว็บไซต์ พฤติกรรมผู้ใช้ และแคมเปญการตลาด คุณสามารถใช้ Google Analytics เพื่อตรวจสอบการเข้าชม ติดตามอัตรา Conversion และวัดผลกระทบของความพยายามทางการตลาดของคุณ บริการนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลประชากรของผู้ชม ช่องทางการรับลูกค้า และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ นักการตลาด และนักวิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องการทำความเข้าใจว่าผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บไซต์ของตนอย่างไร และเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงตนทางออนไลน์